Joomla! Content Version History เริ่มมีการใช้งานใน Joomla 3.2 (จากข่าว Joomla! 3.2.0 Stable Released ออกมาแล้ว) เป็นความสามารถที่

• ช่วยเก็บ Log ว่ามีการแก้ไข เนื้อหาอะไรไปบ้าง
• ลบ เพิ่ม ข้อความส่วนไหนไป
• รู้ได้ว่าใครเป็นคนแก้เนื้อหา วันที่เท่าไหร่ 
• สามารถเปรียบเทียบได้ว่าเนื้อหาที่ถูกแก้ ต่างกันยังไง
• สามารถกำหนดจำนวนรุ่นการเก็บได้
• สามารถล๊อก เนื้อหาบางรุ่นไม่ได้ถูกลบได้
• สามารถกู้คืนเนื้อหากลับไปเป็นรุ่นเก่าได้

เป็นประโยชน์มากครับ สำหรับเว็บที่มีการทำงานหลายคน และเป็นหลักฐานได้ว่า แก้อะไรไปบ้าง ในจูมล่ารุ่นหลังๆ จะถูกปิดความสามารถนี้ไว้ หากต้องการใช้ต้องไปเปิดใช้งานเอง เนื่องจากการเก็บ Content Version History จะใช้ฐานข้อมูลเพิ่มขึ้น

Joomla! Site Offline ความจริงก็เอาไว้ปิดเว็บไม่ให้คนอื่นเข้านอกจาก คนในกลุ่ม 

• – Manager
• – – Administrator
• – - -Super Users

เท่านั้นถึงจะเข้าได้ ปรกติก็เอาไว้ แก้ปัญหาบางอย่างที่ไม่อยากให้คนรู้ว่าเว็บมีปัญหาอะไร หรือปรับปรุงหน้าตาของเว็บใหม่ ผู้ดูแลเว็บทำงานไป คนเข้าเว็บมาก็จะเห็นแค่ช่อง Login แบบนี้ ประกาศไปได้ว่าเว็บกำลังปิดปรับปรุง อะไรก็ว่าไป ตามแต่ใจปรารถนา

การ Restore เว็บ Joomla จาก  Akeeba Backup นอกจากจะเอาไว้ใช้ กรณีเว็บมีปัญหาแล้วกู้คืน ยังสามารถใช้ในการย้ายเว็บ joomla ขึ้นโฮส หรือ ย้ายจูมล่าไปโฮสใหม่ ย้ายลงมา localhost สามารถทำได้หมด การใช้ Akeeba Backup ในการ Restore เว็บ จะทำให้ได้ข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ไฟล์ไปจนถึงฐานข้อมูล และการ Restore เว็บ จะเป็นเหมือนการติดตั้งใหม่ แต่ได้ข้อมูลเดิม ข้อดีคือไม่ต้องมานั่งแก้ พาทต่างๆ

ตอนนี้หากทำเว็บสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งหลายคนละเลยมาก จนเว็บถูกโจมตีและโดน Hack ในที่สุด ไม่ว่าจะทำเว็บด้วย Opensource หรือเขียนระบบขึ้นมาเอง ล้วนแล้วแต่มีโอกาสเสี่ยงที่จะโดนแฮกทั้งสิ้น หากคุณไม่คิดจะสนใจมัน ดังนั้นการมีเครื่องมือป้องกันอย่างเดียวไม่พอ ครับ ต้องมี สำรอง อัพเตตให้ใหม่ ซ่อนตัว และ ปกป้อง มาลุยกัน

ปราการด่านแรกของ joomla คือ /administrator แน่นอนว่าใครก็รู้ได้ และมักจะเป็นที่ใช้ลอง เดา Username และรหัสผ่าน หากคุณใช้  username  admin ก็เปลี่ยนได้เลยเพราะมันจะเป็น username แรกที่จะเดา ลองไปอ่านเรื่อง Brute force attack โจมตีคนที่ใช้ Password ง่ายๆ ในการทำเว็บ ส่วนใหญ่ที่โดนๆกันก็มาจากรหัสผ่านที่ง่ายเกินไปนี่แหละครับ เพราะฉนั้นไปทำให้ username และ  รหัสผ่านของเราปลอดภัยก่อน อย่าเอาง่ายๆเพราะอะไรที่ง่ายๆมันก็ง่ายสำหรับ Hacker เช่นกัน

การตั้งค่า SEO ของ Joomla! เป็นการต้องค่าของ SEF URLs  หรือ Search Engine Friendly URLs ซึ่งมีประโยชน์ต่อ search engine มาก เพราะ search engine ไม่ค่อยชอบ url ที่มี query string ยาวๆ

การตั้งค่าเป็นการเปลี่ยน url ในรูปแบบที่ดูน่า งง งวย อันเกิดจาก ภาษาสำหรับเขียนเว็บอย่างใน Joomla เขียนด้วย  php  ให้อยู่ในรูปแบบที่ เรียบง่าย เช่น เป็น url ของไฟล์ html ธรรมดา เพื่อให้เว็บดูปลอดภัย สำหรับผู้ใช้ และ มีความเป็น search engine friendly หรือ ช่วยให้ง่ายต่อการ ค้นหา ข้อมูล ของ search engine

นอกจากนั้น เป็นเรื่องของความปลอดภัยด้วย เพราะ Hacker ค้นหาเว็บเป้าหมายจาก URLs ถ้าเราเปลี่ยน ให้เป็น SEF URLs ก็จะหาไม่เจอนั้นเอง