การอัพเกรด joomla! 3 ให้เป็นรุ่นล่าสุด หากใครอัพเดตมาอย่างต่อเนื่องก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนไม่ขึ้นปุ่มอัพเดต ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ โฮสบล๊อกบางอย่างทำให้ joomla ไม่สามารถไปตรวจสอบได้ ก็เลยไม่ได้อัพเกรด หรือบางเว็บ คลิ๊กอัพเกรดแล้ว ไม่สามารถอัพได้เพราะ ติดเรื่อง สิทธิของ โฟลเดอร์

*บทความต่อไปนี้ ใช้ได้กับ Joomla! ในรุ่นเดียวกันเท่านั้น หากคุณใช้ joomla! 3 ก็จะใช้ได้กับ 3.x.x ทุกรุ่น  

**การอัพเดตจะทำให้ข้อมูลหายไหม : ยืนยันว่าไม่หายแน่นอน หากเราไม่ได้ไปแก้ไข ไฟล์ระบบหลักของ joomla! หรือ core ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่เพื่อความปลอดภัยอ่านต่อไป

พอดีมีคนอยากทราบ ว่าจะทำเมนูของจูมล่าที่เป็นตัวหนังสือธรรมดาให้เป็น icon ได้อย่างไร จริงๆแล้ว สามารถทำได้นานแล้วตั้งแต่สมัย Joomla 1.0 แต่บางคนอาจไม่ทราบ วันนี้เลยมาสอนทำกัน

การเปิด Error Report ใน Joomla  เพื่อหาข้อผิดพลาด ผมมักใช้ในกรณีที่ ระบบไม่ทำงาน เว็บขึ้นหน้าขาว ไม่แสดงอะไรออกมาเลย พอเปิด Error Report ใน Joomla  มันก็ จะบอกมาว่ามีอะไรผิดพลาด

อัพโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ไม่ได้ เป็นปัญหาเบื้องต้น ของคนใช้ จูมล่า อีกปัญหาหนึ่ง ในปัจจุบันไฟล์มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนใหญ่เลี่ยงโดยการนำไปฝากไว้ที่อื่นแล้วลิ้งค์มาเช่น ไฟล์วีดีโอเอาไปไว้ที่ Youtube เป็นต้น แต่ก็มีไฟล์เอกสารบางอย่างที่ไม่สามารถเอาไปฝากได้จึงจำเป็นต้องนำขึ้นเว็บ ซึ่งปรกติพวกผใจะใช้ Editor Jce เพราะระบบอัพโหลดเขาดีมาก แต่บางครั้งก็ติดปัญหาเรื่อง upload_max_filesize โฮสตั้งมาน้อย บางโฮสตั้ง 2  mb หรือบางโฮสตั้งไว้เยอะ แต่ joomla จำกัดไว้ เรามาดูวิธีแก้ปัญหากัน

Joomla! Content Version History เริ่มมีการใช้งานใน Joomla 3.2 (จากข่าว Joomla! 3.2.0 Stable Released ออกมาแล้ว) เป็นความสามารถที่

• ช่วยเก็บ Log ว่ามีการแก้ไข เนื้อหาอะไรไปบ้าง
• ลบ เพิ่ม ข้อความส่วนไหนไป
• รู้ได้ว่าใครเป็นคนแก้เนื้อหา วันที่เท่าไหร่ 
• สามารถเปรียบเทียบได้ว่าเนื้อหาที่ถูกแก้ ต่างกันยังไง
• สามารถกำหนดจำนวนรุ่นการเก็บได้
• สามารถล๊อก เนื้อหาบางรุ่นไม่ได้ถูกลบได้
• สามารถกู้คืนเนื้อหากลับไปเป็นรุ่นเก่าได้

เป็นประโยชน์มากครับ สำหรับเว็บที่มีการทำงานหลายคน และเป็นหลักฐานได้ว่า แก้อะไรไปบ้าง ในจูมล่ารุ่นหลังๆ จะถูกปิดความสามารถนี้ไว้ หากต้องการใช้ต้องไปเปิดใช้งานเอง เนื่องจากการเก็บ Content Version History จะใช้ฐานข้อมูลเพิ่มขึ้น

Joomla! Site Offline ความจริงก็เอาไว้ปิดเว็บไม่ให้คนอื่นเข้านอกจาก คนในกลุ่ม 

• – Manager
• – – Administrator
• – - -Super Users

เท่านั้นถึงจะเข้าได้ ปรกติก็เอาไว้ แก้ปัญหาบางอย่างที่ไม่อยากให้คนรู้ว่าเว็บมีปัญหาอะไร หรือปรับปรุงหน้าตาของเว็บใหม่ ผู้ดูแลเว็บทำงานไป คนเข้าเว็บมาก็จะเห็นแค่ช่อง Login แบบนี้ ประกาศไปได้ว่าเว็บกำลังปิดปรับปรุง อะไรก็ว่าไป ตามแต่ใจปรารถนา