Error 1101 Ray ID: 93342b445b7fa1b4 • 2025-04-20 11:05:52 UTC

Worker threw exception

What happened?

You've requested a page on a website (chomstat-tracker.webmaster-b61.workers.dev) that is on the Cloudflare network. An unknown error occurred while rendering the page.

What can I do?

If you are the owner of this website:
you should login to Cloudflare and check the error logs for chomstat-tracker.webmaster-b61.workers.dev.

Worker threw exception | chomstat-tracker.webmaster-b61.workers.dev | Cloudflare

Error 1101 Ray ID: 93342b44bd0d894b • 2025-04-20 11:05:52 UTC

Worker threw exception

What happened?

You've requested a page on a website (chomstat-tracker.webmaster-b61.workers.dev) that is on the Cloudflare network. An unknown error occurred while rendering the page.

What can I do?

If you are the owner of this website:
you should login to Cloudflare and check the error logs for chomstat-tracker.webmaster-b61.workers.dev.

เว็บ ของคนใช้ Joomla มี คู่มือ Joomla และเทคนิคการใช้งานจูมล่า - วิธี ทำให้หน้าเว็บจูมล่าโหลดได้ไว
Skip to main content

วิธี ทำให้หน้าเว็บจูมล่าโหลดได้ไว

การทำให้หน้าเว็บ Joomla! โหลดได้เร็วขึ้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยการปรับแต่งและตั้งค่าต่าง ๆ ต่อไปนี้: 

เปิดใช้งานการแคช (Caching)

  • เปิดใช้งานการแคชที่ Joomla! ช่วยให้หน้าเว็บถูกเก็บในหน่วยความจำและแสดงผลเร็วขึ้น
  • ไปที่ System > Global Configuration > Cache และเปิดใช้งาน “Cache” และเลือกเวลาหมดอายุที่เหมาะสม

การเปิดใช้งานการแคช (Caching) ใน Joomla! ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นโดยการเก็บข้อมูลหน้าเว็บที่ถูกสร้างขึ้นแล้วในหน่วยความจำ ซึ่งจะทำให้เมื่อมีการเข้าชมซ้ำ หน้านั้นสามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยไม่ต้องประมวลผลใหม่ทั้งหมด

ขั้นตอนในการเปิดใช้งานการแคชใน Joomla!

  1. เข้าสู่ระบบ Joomla! Admin
  2. ไปที่เมนู System > Global Configuration
  3. ในหน้าต่าง Global Configuration, ไปที่แท็บ System
  4. หาส่วน Cache Settings
  5. ตั้งค่า:
    Cache: เปลี่ยนจาก “No” เป็น “Yes” เพื่อเปิดใช้งานการแคช
    Cache Handler: เลือกตัวจัดการแคชที่เหมาะสม (ส่วนใหญ่จะเป็น “File”)
    Cache Time: ตั้งเวลาในการเก็บแคช (แนะนำให้ตั้งไว้ประมาณ 15-30 นาที)
  6. คลิก Save & Close เพื่อบันทึกการตั้งค่า 

ข้อดีของการเปิดใช้งานการแคช

  • การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น: เมื่อเว็บไซต์เก็บข้อมูลในแคชแล้ว หน้าเว็บจะโหลดได้เร็วกว่าการประมวลผลใหม่ทั้งหมด
  • ประหยัดทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์: ลดภาระงานบนเซิร์ฟเวอร์ เพราะไม่ต้องประมวลผลข้อมูลทุกครั้งที่มีการเข้าชม
  • การปรับปรุงประสิทธิภาพ: ช่วยให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ดีขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจำนวนมาก

ข้อควรระวัง

  • ข้อมูลไม่สดใหม่: ข้อมูลที่ถูกเก็บในแคชอาจจะไม่ทันสมัย ซึ่งอาจจะส่งผลเสียหากข้อมูลในเว็บไซต์มีการอัพเดตบ่อย ๆ
  • การตั้งค่าเวลาแคชให้เหมาะสม: หากตั้งเวลาแคชนานเกินไป อาจทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์ไม่อัพเดตทันกับการเปลี่ยนแปลง

การใช้ GZIP Compression ใน Joomla!

GZIP Compression คือกระบวนการบีบอัดข้อมูลก่อนที่จะส่งไปยังผู้ใช้งาน โดยจะช่วยลดขนาดของไฟล์ที่ส่งจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ เช่น HTML, CSS, JavaScript, และรูปภาพต่าง ๆ ซึ่งทำให้เวลาในการโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้นและประหยัดแบนด์วิดธ์

ประโยชน์ของการใช้ GZIP Compression

  • ลดขนาดข้อมูล: ช่วยลดขนาดไฟล์ที่ส่งจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังผู้ใช้ ซึ่งทำให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น
  • ประหยัดแบนด์วิดธ์: ลดปริมาณข้อมูลที่ต้องส่งจากเซิร์ฟเวอร์ ช่วยประหยัดแบนด์วิดธ์ทั้งในเซิร์ฟเวอร์และผู้ใช้
  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้า

ขั้นตอนการเปิดใช้งาน GZIP Compression ใน Joomla!

  1. เข้าสู่ระบบ Joomla! Admin
  2. ไปที่เมนู System > Global Configuration
  3. ในหน้าต่าง Global Configuration, ไปที่แท็บ Server
  4. หาส่วน GZIP Page Compression
  5. ตั้งค่า GZIP Page Compression เป็น “Yes”
  6. คลิก Save & Close เพื่อบันทึกการตั้งค่า

ข้อควรระวัง

  • ไม่รองรับบางเว็บเซิร์ฟเวอร์: บางเว็บเซิร์ฟเวอร์อาจจะไม่รองรับ GZIP หรืออาจต้องมีการตั้งค่าบางอย่างบนเซิร์ฟเวอร์ก่อน
  • ความเข้ากันได้กับเบราว์เซอร์บางตัว: แม้ว่า GZIP จะรองรับเกือบทุกเบราว์เซอร์ แต่บางเวอร์ชันของเบราว์เซอร์เก่าอาจจะไม่รองรับ 

การทดสอบว่า GZIP Compression ทำงานหรือไม่

สามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Check GZIP Compression ซึ่งจะแสดงผลว่าเว็บไซต์ของคุณมีการใช้ GZIP หรือไม่ 

การเปิดใช้งาน GZIP จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ Joomla! ของคุณได้มากขึ้น และทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นในเรื่องของความเร็วในการเข้าถึงหน้าเว็บ.


บีบอัดและลดขนาดไฟล์ CSS และ JavaScript

  • ใช้ฟีเจอร์ใน Joomla! เพื่อบีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript
  • ไปที่ System > Global Configuration > Server และเปิดใช้งาน Minify CSS and JavaScript

การบีบอัดและลดขนาดไฟล์ CSS และ JavaScript ใน Joomla!

การบีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript (หรือที่เรียกว่าการ Minify) คือการลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นในไฟล์ เช่น ช่องว่าง, คอมเมนต์, และการขึ้นบรรทัดใหม่ ออกจากไฟล์เหล่านี้ เพื่อให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์

ใน Joomla! คุณสามารถเปิดใช้งานการบีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณโหลดได้เร็วขึ้น และช่วยประหยัดแบนด์วิดธ์

ประโยชน์ของการบีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript

  1. ลดขนาดไฟล์: การบีบอัดไฟล์ช่วยลดขนาดของไฟล์ CSS และ JavaScript ซึ่งทำให้เวลาในการดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้จากเซิร์ฟเวอร์เร็วขึ้น
  2. เพิ่มความเร็วในการโหลด: ไฟล์ที่มีขนาดเล็กจะโหลดได้เร็วขึ้น ส่งผลให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น
  3. ประหยัดแบนด์วิดธ์: การลดขนาดของไฟล์ช่วยลดปริมาณข้อมูลที่ส่งไปยังผู้ใช้ ซึ่งช่วยประหยัดแบนด์วิดธ์ทั้งสำหรับเซิร์ฟเวอร์และผู้ใช้
  4. ทำให้เว็บตอบสนองได้ดีขึ้น: การโหลดที่เร็วขึ้นจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้

วิธีการเปิดใช้งานการบีบอัด (Minify) CSS และ JavaScript ใน Joomla!

  1. เข้าสู่ระบบ Joomla! Admin
  2. ไปที่เมนู System > Global Configuration
  3. ในหน้าต่าง Global Configuration, ไปที่แท็บ Server
  4. หาส่วน Minify CSS and JavaScript
    ตั้งค่า Minify CSS เป็น “Yes” เพื่อเปิดใช้งานการบีบอัด CSS
    ตั้งค่า Minify JavaScript เป็น “Yes” เพื่อเปิดใช้งานการบีบอัด JavaScript
  5. คลิก Save & Close เพื่อบันทึกการตั้งค่า

ข้อควรระวังในการใช้ Minify

  • ความเข้ากันได้กับบางส่วนขยาย: บางครั้งการบีบอัดไฟล์อาจทำให้บางส่วนขยายหรือฟีเจอร์ของเว็บไซต์ทำงานผิดปกติ เช่น สคริปต์ที่มีการเขียนพิเศษ อาจจะไม่สามารถทำงานได้หากไฟล์ถูกบีบอัดแล้ว
  • การทดสอบหลังการบีบอัด: หลังจากเปิดใช้งานการบีบอัดแล้ว ควรทดสอบเว็บไซต์ให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหากับฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ใช้ JavaScript หรือ CSS
  • การตั้งค่าแคช: หากเปิดใช้งานการแคชแล้ว การเปลี่ยนแปลงไฟล์ CSS และ JavaScript อาจไม่แสดงผลทันที ดังนั้นการเคลียร์แคชจะช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำ

การทดสอบและการตรวจสอบ

  • หลังจากเปิดใช้งานการบีบอัดแล้ว คุณสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์เช่น GTmetrix หรือ Google PageSpeed Insights เพื่อตรวจสอบว่าการบีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript ได้ผลหรือไม่
  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วขึ้น และไม่มีข้อผิดพลาดที่เกิดจากการบีบอัดไฟล์ 

การเปิดใช้งานการบีบอัด CSS และ JavaScript จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ Joomla! ของคุณให้โหลดได้เร็วขึ้นและทำให้การใช้งานเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น.


ใช้ CDN (Content Delivery Network)

ใช้ CDN เพื่อกระจายไฟล์มีเดีย (เช่น ภาพ, CSS, JavaScript) ให้กับผู้ใช้จากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียง เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลด

การใช้ CDN (Content Delivery Network) ใน Joomla!

CDN (Content Delivery Network) คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายข้อมูลไปยังหลายจุดในทั่วโลก เพื่อให้สามารถให้บริการเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการได้จากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และลดเวลาในการเข้าถึงข้อมูล

ประโยชน์ของการใช้ CDN

  1. ลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บ: เมื่อใช้ CDN, ไฟล์เช่นภาพ, CSS, JavaScript จะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ผู้ใช้จะได้รับข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งทำให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น
  2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซิร์ฟเวอร์: ด้วยการให้ CDN ช่วยกระจายไฟล์, เซิร์ฟเวอร์หลักจะไม่ต้องจัดการกับคำขอทั้งหมด ทำให้ลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์
  3. ประหยัดแบนด์วิดธ์: การกระจายข้อมูลผ่าน CDN ช่วยลดแบนด์วิดธ์ที่จำเป็นในการโหลดเว็บไซต์ ลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  4. รองรับการรับส่งข้อมูลจำนวนมาก: CDN ช่วยจัดการกับปริมาณการเข้าชมจำนวนมากได้ดี โดยที่เว็บไซต์ไม่ล่มหรือช้าลงเมื่อต้องรับโหลดที่สูง
  5. เพิ่มความปลอดภัย: บาง CDN มีฟีเจอร์ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น การป้องกัน DDoS (Distributed Denial-of-Service) และการเข้ารหัส SSL ซึ่งสามารถช่วยป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตได้

วิธีการใช้ CDN กับ Joomla!

1. เลือกผู้ให้บริการ CDN:

  • ผู้ให้บริการ CDN ที่นิยมใช้ในตลาด ได้แก่ Cloudflare, MaxCDN, KeyCDN, Amazon CloudFront, และ StackPath เป็นต้น
  • เลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ

2. ตั้งค่า CDN ใน Joomla!:

  • หลังจากสมัครใช้งาน CDN แล้ว คุณจะได้รับ URL หรือค่าตั้งค่าที่จะใช้ในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ CDN
  • ใน Joomla!, ไปที่ System > Global Configuration > Server และค้นหาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่า CDN (บางส่วนอาจต้องใช้ส่วนขยายเพิ่มเติม)

3. ปรับปรุง URL ของไฟล์มีเดีย:

  • หากคุณใช้ Joomla! เพื่อจัดการไฟล์มีเดีย (ภาพ, CSS, JavaScript) ให้ตั้งค่าให้ไฟล์เหล่านั้นถูกโหลดจากเซิร์ฟเวอร์ CDN แทนที่จะโหลดจากเซิร์ฟเวอร์หลัก
  • คุณสามารถใช้ส่วนขยายเช่น JCH Optimize หรือ Simple CDN เพื่อให้ Joomla! สามารถเชื่อมต่อกับ CDN ได้ง่ายขึ้น

4. ตรวจสอบว่าไฟล์ถูกโหลดจาก CDN:

ตรวจสอบการตั้งค่าของคุณโดยการดูที่ URL ของไฟล์มีเดีย เช่น ภาพหรือ CSS เพื่อตรวจสอบว่าไฟล์ถูกโหลดจาก CDN แทนที่จะเป็นเซิร์ฟเวอร์หลัก

ข้อควรระวังในการใช้ CDN

  • ค่าใช้จ่าย: ผู้ให้บริการ CDN บางรายอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้แบนด์วิดธ์
  • การตั้งค่า DNS: การใช้ CDN อาจต้องการการตั้งค่า DNS ที่เหมาะสม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักครู่ในการตั้งค่าให้ถูกต้อง
  • ความเข้ากันได้กับบางฟีเจอร์: หากคุณใช้ฟีเจอร์บางอย่างของ Joomla! หรือมีการตั้งค่าพิเศษ เช่น การเก็บแคช, อาจจะต้องตรวจสอบว่า CDN สามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์เหล่านั้นได้ดี

การใช้ CDN ช่วยให้เว็บไซต์ Joomla! ของคุณสามารถโหลดได้เร็วขึ้น และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของเว็บไซต์ได้อย่างมาก.


ลดขนาดของรูปภาพ

ใช้เครื่องมือในการบีบอัดรูปภาพ (เช่น TinyPNG หรือ ImageOptim) เพื่อลดขนาดของไฟล์ภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Joomla extension อย่าง EIR (Easy Image Resizer) เพื่อลดขนาดภาพโดยอัตโนมัติ

การบีบอัดรูปภาพคือการลดขนาดของไฟล์ภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพมากเกินไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และประหยัดแบนด์วิดธ์ การลดขนาดของไฟล์ภาพเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ 

เครื่องมือในการบีบอัดรูปภาพ

มีเครื่องมือหลายตัวที่สามารถช่วยบีบอัดและลดขนาดไฟล์รูปภาพโดยไม่ทำให้คุณภาพลดลง เช่น:

1. TinyPNG:

  • TinyPNG เป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยบีบอัดไฟล์ภาพ PNG และ JPEG โดยไม่สูญเสียคุณภาพ สามารถบีบอัดภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คุณสามารถอัพโหลดภาพหลายไฟล์พร้อมกันเพื่อบีบอัดแล้วดาวน์โหลดไฟล์ที่บีบอัดแล้ว
  • ใช้งานได้ง่ายและฟรีสำหรับการอัพโหลดจำนวนจำกัด

2. ImageOptim:

  • ImageOptim เป็นเครื่องมือสำหรับ Mac ที่ช่วยบีบอัดรูปภาพ JPEG, PNG, และ GIF โดยไม่สูญเสียคุณภาพ
  • การบีบอัดของ ImageOptim ใช้เทคนิคที่ทันสมัยในการลดขนาดไฟล์และยังคงคุณภาพสูง
  • ใช้งานได้ดีสำหรับการบีบอัดภาพหลายไฟล์ในครั้งเดียว

3. Compressor.io:

อีกหนึ่งเครื่องมือออนไลน์ที่ช่วยบีบอัดภาพได้หลายฟอร์แมต เช่น JPEG, PNG, GIF, และ SVG โดยไม่สูญเสียคุณภาพ รองรับการบีบอัดภาพทีละหลาย ๆ รูป และสามารถดาวน์โหลดภาพได้อย่างรวดเร็ว

การใช้ Joomla Extension ในการลดขนาดรูปภาพ

หากคุณต้องการให้การบีบอัดและการลดขนาดรูปภาพเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติใน Joomla! คุณสามารถใช้ Joomla Extensions ที่มีฟีเจอร์ในการบีบอัดและปรับขนาดรูปภาพ เช่น:

1. EIR (Easy Image Resizer):

  • EIR เป็นส่วนขยายของ Joomla! ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับขนาดและบีบอัดภาพโดยอัตโนมัติขณะอัปโหลด
  • EIR สามารถปรับขนาดรูปภาพที่อัปโหลดเข้าสู่เว็บไซต์ให้มีขนาดเหมาะสมและลดขนาดไฟล์ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอก
  • การใช้งานง่าย เพียงแค่ติดตั้งและตั้งค่า EIR ให้ทำงานร่วมกับการอัปโหลดภาพ

2. Simple Image Gallery Pro:

หากคุณใช้ Joomla! ในการสร้างแกลลอรีภาพ Simple Image Gallery Pro มีฟีเจอร์ที่สามารถบีบอัดภาพเมื่ออัปโหลด ช่วยให้แกลลอรีภาพของคุณมีขนาดไฟล์ที่เล็กลง ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น

3. JCH Optimize:

JCH Optimize ไม่เพียงแต่ช่วยบีบอัด CSS และ JavaScript แต่ยังสามารถบีบอัดและปรับขนาดภาพได้อีกด้วยช่วยให้ภาพที่มีขนาดใหญ่ถูกลดขนาดและแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนในการใช้งาน EIR (Easy Image Resizer) ใน Joomla!

1. ติดตั้ง EIR Extension:

ไปที่ Extensions > Manage > Install แล้วอัปโหลดไฟล์ ZIP ของ EIR ที่ดาวน์โหลด

2. ตั้งค่าการใช้งาน:

หลังจากติดตั้ง EIR เสร็จแล้ว ไปที่ Components > Easy Image Resizer เพื่อเปิดการตั้งค่า

ตั้งค่าขนาดสูงสุดของรูปภาพที่ต้องการบีบอัดและปรับขนาด

เปิดใช้งานให้ EIR บีบอัดภาพทุกครั้งที่มีการอัปโหลด

3. การทดสอบ:

เมื่อคุณอัปโหลดรูปภาพใหม่ ภาพจะถูกบีบอัดและลดขนาดโดยอัตโนมัติ

ข้อควรระวังในการลดขนาดไฟล์รูปภาพ

คุณภาพอาจลดลง: หากคุณบีบอัดไฟล์ภาพมากเกินไป อาจจะส่งผลต่อคุณภาพของภาพ เช่น ภาพอาจมีการบิดเบือนหรือสูญเสียความคมชัด

รองรับภาพหลายขนาด: ควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณรองรับภาพในหลายขนาด และทำให้มั่นใจว่าไม่มีภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไป

การลดขนาดของไฟล์รูปภาพจะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ของคุณ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานในการเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างมาก


6. ใช้การโหลดแบบ Lazy Load สำหรับภาพ

การโหลดภาพเมื่อผู้ใช้เลื่อนถึง สามารถช่วยลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บ ปรับตั้งค่า Lazy Load ใน Joomla! หรือใช้ extension เช่น LazyLoad by JoomlaWorks

 

7. ย้ายเว็บไซต์ไปยัง Hosting ที่เร็วขึ้น

• เลือกใช้โฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพและรองรับการโหลดเว็บที่รวดเร็ว เช่นโฮสติ้งที่ใช้เทคโนโลยี SSD หรือ Cloud Hosting

 

8. ลดจำนวนของ Extension และ Modules ที่ไม่จำเป็น

ลบหรือปิดการใช้งาน extensions, plugins, หรือ modules ที่ไม่จำเป็น เพราะจะช่วยลดภาระการทำงานของเซิร์ฟเวอร์

 

9. เปิดใช้งาน PHP 8 หรือเวอร์ชันล่าสุด

 PHP 8 หรือเวอร์ชันใหม่ ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Joomla! เพิ่มความเร็วในการประมวลผล 

10. ใช้ Template ที่เบาและเร็ว

เลือกใช้ template ที่มีโค้ดสะอาดและโหลดได้เร็ว เช่น Helix หรือ T3 ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เบาและเร็ว

การปรับแต่งเหล่านี้จะช่วยให้เว็บไซต์ Joomla! ของคุณโหลดได้เร็วขึ้นอย่างเห็นผลทันทีครับ!

  • Hits: 271